ประเภทการวิ่ง มีแบบไหนบ้าง แต่ละแบบแตกต่างกันอย่างไร ?
สำหรับการวิ่งในทุกวันนี้ได้รับความสนใจมากขึ้น
มีประเภทการวิ่งให้เข้าร่วมกิจกรรมหลายแบบ
ไม่ใช่เป็นการวิ่งเพื่อออกกำลังกายเท่านั้น ซึ่งความแตกต่างกันตามลักษณะและกฎกติกากำหนดการวิ่งแต่ละครั้งรวมถึงความเหมาะสมตามช่วงวัย
การวิ่งประเภทหลัก ๆ ในยุคปัจจุบัน
สำหรับการวิ่งที่เราเข้าใจกันนั้นจะมีหลายประเกทในยุคปัจจุบันเพราะการวิ่งที่มีการแบ่งออกมาหลายรูปแบบต่างกันออกไปเพียงแค่รูปแบบการวิ่งเท่านั้น
สำหรับผู้ที่นิยมในการวิ่งเพื่อสุขภาพหรือเพื่อต้องการให้ร่างกายมีสุขภาพที่แข็งแรงในเรื่องของการลดไขมัน
ในการจำแยกการวิ่งที่แบ่งออกไปในรูปแบบกีฬาที่เรามักจะเห็นบ่อย ๆ
รวมถึงการจัดเป็นกิจกรรมเพื่อการกุศลหรือเป็นงานประจำปี
ขึ้นอยู่กับการจัดเพื่อเป็นวัตถุประสงค์ใด ไม่ว่าจะเป็นการจัดวิ่งมาราธอน ,
การกุศล ซึ่งเรามักจะเห็นได้ว่ามีหลายแห่งจัดกิจกรรมเหล่านี้มากขึ้น
ประเภทการวิ่งที่ควรทราบ
ประเภทของการวิ่งในปัจจุบันนี้มีไม่กี่ประเภทที่ได้รับความสนใจและจัดกิจกรรมบ่อยครั้ง
คือ
- ·
ฟันรัน ( Fun
run) หรือที่เรามักจะเรียกว่าการเดิน วิ่งเพื่อการกุศล เป็นประเภทที่ได้รับความนิยมเพราะกำหนดระยะทางไม่ไกลโดยทั่วไปอยู่ที่
3.5-5 กิโลเมตร
- · มินิฮาล์ฟ มาราธอน(Mini half marathon) จะมีระยะทางของการวิ่งโดยประมาณ 10.5 กิโลเมตร ซึ่งเป็นระยะทางที่เหมาะสมกับนักวิ่งเพื่อสุขภาพและได้รับความนิยมอย่างมาก ซึ่งไม่กำหนดระยะมากจนเกินไปซึ่งเหมาะสมสำหรับผู้ที่ต้องการอยากจะออกกำลังจริง ๆ กายจริง
- · มาราธอน (Marathon) โดยมีระยะทางประมาณ 42.195 กิโลเมตร โดยเป็นระยะทางมาตรฐานของการจัดการแข่งขันมาราธอนซึ่งเป็นระยะทางมาตรฐานนานาชาติทั่วโลกและในประเทศไทยเองก็นิยมจัดขึ้นเช่น จอมบึงมาราธอน , หาดใหญ่มาราธอน , กรุงเทพมาราธอน สำหรับนักวิ่งระยะนี้จะมีทั้งนักวิ่งแบบสมัครเล่นและนักวิ่งแบบอาชีพเข้าร่วมกิจกรรมบ่อย ๆ ส่วนผู้ที่เข้าร่วมจำเป็นต้องฝึกฝนตนเองให้ดีเพื่อความแข็งแกร่งต้องต่อสู้กับระยะทางหลายสิบกิโล
- · อัลตร้า มาราธอน (Ultra marathon) โดยมีระยะทางประมาณกว่า 42 กิโลเมตร โดยส่วนมากจะเป็นการจัดวิ่งสำหรับผู้ที่มีความแข็งแกร่งและผ่านการวิ่งมาแล้วหลายสนามเรียกได้ว่าต้องผ่านการวิ่งมาอย่างโชกโชนเพื่อต้องการทดสอบสมรรถภาพความแข็งแกร่งให้ดีขึ้น สำหรับในประเทศไทยก็มีการจัดขึ้นมาหลายครั้งเช่น เกาะสมุยอัลตร้ามาราธอน
การเตรียมตัวให้พร้อมก่อนการวิ่งแข่ง
หากผู้ที่มีความต้องการอยากจะวิ่งควรเริ่มต้นอย่างมีเป้าหมายของการวิ่งที่ชัดเจนและมีการเตรียมตัวที่ดีคือ
·
ควรเริ่มต้นแบบค่อยเป็นค่อยไป ไม่ควรหักโหมมากนัก
โดยเฉพาะผู้ที่ไม่ค่อยได้ออกกำลังกายหรือผู้ที่ไม่ค่อยได้ผ่านการวิ่งสักเท่าไหร่
·
การเตรียมความพร้อมทั้งร่างกายและจิตใจไม่ใช่เข้าลงแข่งซึ่งจะส่งผลเสียทำร้ายร่างกายเราได้เพราะความไม่พร้อมทางด้านร่างกายอาจทำให้คุณไม่ถึงเส้นชัยหรือเป้าหมายที่ตั้ง
·
ควรเริ่มต้นด้วยการหัดเดินสลับกับวิ่งประมาณ 30
นาทีต่อวัน เพื่อให้ร่างกายได้ปรับสภาพก่อนการวิ่ง เป็นเวลา 3-5 ครั้งต่อสัปดาห์
โดยส่วนมากจะต้องเตรียมความพร้อมของร่างกายอย่างน้อย 2-3
สัปดาห์ก่อนที่จะลงแข่งหรือเข้าร่วมกิจกรรม
·
ห้ามละเลยการเตรียมความพร้อมของร่างกาบซึ่งเป็นเหตุผลสำคัญของการปรับร่างกายให้พร้อมก่อนการวิ่งเพื่อเลี่ยงปัญหาและความเสี่ยงที่อาจจะเกิดขึ้นได้ระหว่างการแข่งขันหรือทำกิจกรรม
ข้อควรรู้ก่อนการลงวิ่ง
การเลือกรายการวิ่งที่มีมาตรฐานมีส่วนสำคัญในการจัดการอย่างมาก
เพราะการวางแผนต้องรอบคอบให้เหมาะสมกับความพร้อมของร่างการ สิ่งสำคัญไม่ควรประเมินความพร้อมของร่างกายตนเองมากกว่าความเป็นจริง
ไม่ควรวิ่งในที่มีความร้อนมากกว่า 35 องศาเซลเซียส
การเลือกใช้รองเท้าวิ่งเฉพาะการวิ่งจะช่วยให้รองรับแรงกระแทกได้ดีเลี่ยงการใส่รองเท้าที่ไม่ถนัดหรือไม่คุ้นและเลี่ยงคู่ใหม่เพราะอาจเป็นปัญหาต่อสุขภาพเท้าได้
สิ่งสำคัญคือการอบอุ่นร่างกายและมีความุ่งมั่นให้เต็มที่ทุกครั้ง
หากลงแข่งมาราธอนยิ่งต้องเข้าพบแพทย์เพื่อตรวจร่างกายก่อนทุกครั้ง
หากต้องการวิ่งเพื่ออกกำลังกายหรือการวิ่งเพื่อร่วมกิจกรรมควรเลือกระยะทางและประเภทให้เหมาะสมต่อตนเองเพื่อก่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดจากการวิ่งและไม่ส่งผลเสียต่อในอนาคต